ความสุข 3 ระดับ
ผมเชื่อว่าทุกคนต้องมีสิ่งใดสิ่งหนึ่ง สิ่งที่เราสามารถอุทิศกำลังกาย กำลังใจ เพื่อทำให้สำเร็จลุล่วง สิ่งที่อยู่เหนือข้อจำกัดทั้งปวง เงินทองและกาลเวลา เมื่อถามว่า การจะไปถึงความสำเร็จต้องมีสิ่งใดเป็นพื้นฐานบ้าง ผมมองว่ามี 2 ส่วนสำคัญ คือ
- เป้าหมายที่ชัดเจน รู้ว่าสิ่งที่จะทำคืออะไร
- ความมุ่งมั่นอันแรงกล้า ที่จะพิชิตเป้าหมายนั้น
เรื่องเป้าหมายนั้น พอเข้าใจได้ แต่ความมุ่งมั่นอันแรงกล้าสิ ต้องมีสิ่งใดขับเคลื่อน และไม่ใช่แค่ขับเคลื่อนไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว ต้องพิชิตเป้าหมายให้ได้ด้วย นั่นหมายความว่า มันต้องแรงพอและอยู่ได้นานพอ ที่จะพาให้เราไปถึงเป้าหมายได้ในที่สุด สำหรับผม สิ่งนั้นก็คือ Passion นั่นเอง
Passion คือ ความชอบ ความปรารถนา อันเปี่ยมด้วยพลังที่มุ่งหมายในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างแรงกล้า ไม่หวาดหวั่นต่ออุปสรรคหรือข้อจำกัดใดๆ สิ่งใดที่เราทำด้วย Passion เรามักไม่ค่อยรู้สึกเหน็ดเหนื่อย หรือย่อท้อ เพราะสิ่งที่เราต้องการนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่านั้น และแน่นอนว่าสิ่งที่ตามมานั้นคือ ความสุข
ผมจึงนึกย้อนกลับไปครุ่นคิดว่า แล้วความสุขในชีวิตของผมนั้น มีอะไรบ้าง เพราะนั่นอาจจะหมายถึงที่สถิตของ Passion ของผมนั่นเอง
เมื่อนึกย้อนกลับไป แน่นอนว่าตลอดทั้งชีวิตเรามีทั้งทุกข์สุขปะปนกันไป แต่ก็พอจะแบ่งความสุขออกเป็นระดับได้ ดังนี้
ความสุขระดับที่หนึ่ง
เป็นความสุขในช่วงวัยเด็กจนถึงวัยรุ่น ความสุขในวัยนี้ของผมคือ การได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ เพราะช่วงวัยนี้ เราอาจยังต้องทำตามคนนู่นคนนี้ เดินตามทางที่มีเส้นขีดไว้ การได้ทำอะไรตามใจบ้าง จึงเป็นความสุข
ความสุขระดับที่สอง
เมื่อโตขึ้นระดับหนึ่ง มีความสามารถ มีศักยภาพเพียงพอระดับหนึ่ง มีโอกาสที่ดีที่จะเริ่มสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ อันเป็นประโยชน์และช่วยเหลือผู้อื่นได้ เมื่อผู้คนเหล่านั้นเกิดความสุขความสบายใดๆ อันเนื่องมาจากสิ่งที่เราได้สร้างไว้ การได้ทำเพื่อผู้อื่น การได้รู้ ได้เห็น ว่าตัวเรานั้นมีคุณค่าต่อผู้อื่น จึงเป็นความสุขในระดับนี้
ความสุขระดับที่สาม
ต่อเนื่องมาจากระดับที่สอง เมื่อทำจนเป็นปกติวิสัยและเกิดเป็นความปรารถนาที่จะให้คนรอบข้างเกิดความรู้สึกในสิ่งเดียวกัน นั่นคือ การค้นหาคุณค่าในตัวเอง ค้นหาคุณค่าที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่เพียงตัวเองแต่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น การได้สอนหรือได้นำทางให้ผู้คนได้ค้นหาคุณค่าของตัวเอง ภาคภูมิใจในสิ่งที่มี และนำสิ่งเหล่านั้น ไปสร้างประโยชน์เพื่อผู้คน ทำให้เขาเกิดความสุขในระดับที่สองได้ นั่นเป็นความสุขของผมในระดับนี้
ผมยังไม่แน่ใจว่า ยังจะมีความสุขในระดับที่สี่อีกไหม แต่ทุกวันนี้ ความสุขในระดับที่สาม ทำให้ผมอยู่บนโลกนี้อย่างมีความหมาย