เงินตราแห่งอนาคต
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเดินในห้างสรรพสินค้า เห็นโต๊ะเปิดรับสมัครบริการด้านการเงิน ที่เขาเรียกกันว่า e-wallet หรือ digital wallet หรือ mobile wallet แล้วแต่จะเรียกกัน มีโปรโมชันลดแลกแจกแถม จูงใจสารพัด เพื่อให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมา สนใจสมัครใช้บริการ พักหลังมานี้ เริ่มเห็นลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้ง มาในหลากหลายรูปแบบ ทำให้รู้สึกว่า การเงินในยุคใหม่ ปัจจุบันและอนาคตอันใกล้นี้ กำลังจะเปลี่ยนไป
digital wallet คือกระเป๋าเงินที่ไม่ได้มีไว้สำหรับเงินที่เป็นธนบัตรหรือเหรียญที่จับต้องได้ แต่เป็นเงินดิจิทัล เงินที่อยู่ในอากาศ เงินที่เราได้เห็นเพียงตัวเลขเท่านั้น เมื่อพูดถึงเรื่องเงินดิจิทัล หลายคนอาจมีความไม่มั่นใจที่จะใช้ รู้สึกไม่อุ่นใจ ไม่มั่นใจเท่ากับการได้สัมผัสเงินสด แต่ในความเป็นจริงนั้น ทั้งโลกนี้มีเงินสดอยู่เพียงไม่ถึง 10% ที่เหลือเราได้เห็นเพียงตัวเลขเท่านั้น ไหนจะเป็นเงินรูปแบบใหม่ที่กำลังมาแรงมากอย่างบิทคอยน์ ยิ่งทำให้รู้สึกว่า ความสำคัญของเงินสด(cash) เริ่มลดลงเรื่อยๆ และเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคของ Cashless Society หรือ สังคมที่ไร้เงินสด คำว่า ไร้เงินสด ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงไม่มีเงินใช้จ่ายนะครับ (ฮ่า) แต่หมายถึงเราจะใช้จ่ายด้วยเงินสดกันน้อยลง เปลี่ยนไปใช้เงินดิจิทัลกันมากขึ้น ส่วนตัวผมเอง ก็ถือเงินสดติดตัวน้อยมาก เพราะเงินส่วนใหญ่ถูกถ่ายโอนเข้าไปอยู่ใน digital wallet ของผู้ให้บริการต่างๆ ซึ่งนับวันก็มีบริการใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างหลากหลาย ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งให้สิทธิประโยชน์จูงใจอยู่พอสมควร สามารถเลือกใช้ได้ตามใจชอบได้เลย เวลาจะซื้อของ อาหาร หรือกาแฟสักแก้ว ก็ใช้จ่ายด้วยเงินดิจิทัล อาจจะอยู่ในรูปแบบบัตรหรือแอพพลิเคชันในสมาร์ทโฟน การใช้จ่ายผ่านช่องทางเหล่านี้ จึงสะดวกสบายเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม กว่าสังคมไทยจะคุ้นเคยและให้ความไว้วางใจกับระบบ e-Payment คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะ แม้ทั้งภาครัฐและเอกชนจะร่วมใจผลักดันกันอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายแบบ e-Payment มากขึ้น ก็คงยังต้องค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งร้อนจนเกินไป สำคัญที่ต้องคอยให้ความรู้ความเข้าใจกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสร้างความเชื่อมั่นในระบบการเงินแบบใหม่นี้ เพราะการที่มีข่าวระบบการเงินออนไลน์ถูกแฮคอยู่บ่อยครั้ง ก็ยิ่งสร้างความหวาดระแวง ทั้งที่สาเหตุอาจมาจากความประมาทของคนเอง ไม่ใช่จากตัวระบบ ซึ่งมักถูกออกแบบให้มีความปลอดภัยในระดับสูงอยู่แล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความรู้ความเข้าใจของคนใช้ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน และไม่อาจจะละเลยได้ นอกจากนี้ยังมีสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากและต้องพึงระวัง คือ การที่เราใช้เงินดิจิทัล ทำให้การใช้จ่ายนั้นมีความสะดวกสบายรวดเร็วก็จริง แต่ทำให้เราต้องยิ่งระมัดระวัง ไม่ใช้จ่ายเพลินจนเกินตัว และเผลอใช้เงินที่ยังไม่ได้เป็นของเรา ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดปัญหาขึ้นในภายหลังได้ กระเป๋าเงินดิจิทัลควรเป็นเพียงการเปลี่ยนจากเงินสดเป็นเงินดิจิทัล เพื่อให้ชีวิตง่ายขึ้น วินัยทางการเงินจึงสำคัญอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นแล้ว เงินตราแห่งอนาคตที่ผมเล่ามานี้ อาจกลายเป็นฝันร้ายสำหรับคุณ